ลัทธิ (Doctrine) คือคำสั่งสอน ที่มีผู้เชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลัทธิมากซ์

ลัทธิมากซ์ (อังกฤษMarxism) หรือมักใช้ทับศัพท์ว่า มาร์กซิสต์ คือทฤษฎีสังคม และการเมือง ที่มีพื้นฐานมาจากผลงานของคาร์ล มากซ์ และฟรีดริช เองเงิลส์ ลัทธิมากซ์มีอิทธิพลอย่างสูงต่อลัทธิคอมมิวนิสต์(Communism) และยังมีอิทธิพลต่อวงวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง (Political Economy), มากซ์สายใหม่ (Neo-Marxism), สำนักวัฒนธรรมศึกษาเบอร์มิงแฮม (The Birmingham School), สำนักวัฒนธรรมศึกษาแฟรงก์เฟิร์ต (The Frankfürt School) รวมไปถึงอิทธิพลบางส่วนที่มีต่อลัทธิหลังสมัยใหม่ (Postmodern)
อนึ่งนอกจากคำว่า "ลัทธิมากซ์" และ "มาร์กซิสต์" ที่เป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถานซึ่งใช้แปลความคำว่า Marxism แล้ว นอกจากศัพท์บัญญัติดังกล่าวยังมีการเขียนทับศัพท์อย่างอื่นด้วย อาทิ ลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิมาร์คซ์ ลัทธิมาคซ์ ลัทธิมาร์กซ ลัทธิมากรซ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้สมควรบัญญัติคำว่า "มาร์กซิสม์" ใช้แทนคำว่า Marxism เนื่องจากคำนี้แปลว่า "ตระกูลความคิดแบบมากซ์ เพื่อให้มีความแตกต่างจากคำว่า Marxist ที่สมควรบัญญัติว่า "มาร์กซิสต์" โดยแปลว่า "นักคิดตระกูลมาร์กซิสต์" 

ลัทธิคอมมิวนิสต์

ลัทธิคอมมิวนิสต์ (อังกฤษCommunism) เป็นขบวนการปฏิบัติสังคมนิยมเพื่อสถาปนาระเบียบสังคมที่ปราศจากชนชั้น เงินและรัฐ โดยตั้งอยู่บนการเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตร่วมกัน เช่นเดียวกับอุดมการณ์ทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจซึ่งมุ่งสถาปนาระเบียบสังคมนี้ ขบวนการดังกล่าว ในการตีความแบบลัทธิมากซ์-เลนิน มีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อประวัติศาสตร์คริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีการแข่งขันกันดุเดือดระหว่าง "โลกสังคมนิยม" (อันเป็นรัฐสังคมนิยมที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์) และ "โลกตะวันตก" (ประเทศซึ่งมีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม)
ทฤษฎีลัทธิมากซ์ถือว่า คอมมิวนิสต์บริสุทธิ์หรือคอมมิวนิสต์สมบูรณ์เป็นขั้นของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์โดยเจาะจงที่ถือกำเนิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากการพัฒนากำลังการผลิตซึ่งนำไปสู่ความมั่งคั่งทางวัตถุที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้การแจกจ่ายยึดความต้องการและความสัมพันธ์ทางสังคมยึดตามปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างเสรี[1][2] นิยามที่แน่ชัดของคอมมิวนิสต์แตกต่างกัน และมักถูกเข้าใจผิด ในวจนิพนธ์การเมืองทั่วไป ว่าใช้แทนคำว่าสังคมนิยม ได้ อย่างไรก็ดี ทฤษฎีลัทธิมากซ์ยืนยันว่า สังคมนิยมเป็นเพียงขั้นเปลี่ยนผ่านบนวิถีสู่คอมมิวนิสต์ ลัทธิเลนินเพิ่มแนวคิดพรรคการเมืองแนวหน้าเพื่อนำการปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมาชีพ และเพื่อยึดอำนาจทางการเมืองทั้งหมดหลังการปฏิวัติเพื่อชนชั้นกรรมกร เพื่อการพัฒนาความตระหนักของชนชั้นทั่วโลกและการมีส่วนร่วมของกรรมกร ในขั้นเปลี่ยนผ่านระหว่างทุนนิยมกับสังคมนิยม
ปัจจุบัน คอมมิวนิสต์มักใช้เรียกนโยบายของรัฐคอมมิวนิสต์ นั่นคือ รัฐที่ถูกควบคุมเบ็ดเสร็จโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ว่าสาระของระบบเศรษฐกิจในทางปฏิบัติแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น นโยบายของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งระบบเศรษฐกิจรวมไปถึง "โด่ย เหมย" (Doi Moi) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งระบบเศรษฐกิจเป็น "เศรษฐกิจตลาดสังคมนิยม" และระบบเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต ซึ่งอธิบายได้ว่าเป็น "ทุนนิยมโดยรัฐ" โดยนักสังคมนิยมที่มิใช่ลัทธิเลนิน และภายหลังโดยนักคอมมิวนิสต์ผู้คัดค้านแบบจำลองโซเวียตยุคหลังสตาลินมากขึ้น ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 (เช่น ลัทธิเหมา ลัทธิทร็อตสกี และคอมมิวนิสต์อิสรนิยม และแม้กระทั่งตัววลาดีมีร์ เลนินเอง ในจุดหนึ่ง[3]

ลัทธิซาตาน

ลัทธิซาตาน (อังกฤษSatanism) เป็นคำอย่างกว้างที่กล่าวถึงขบวนการทางสังคมขนาดใหญ่ที่มีอุดมการณ์และความเชื่อทางปรัชญาที่หลากหลาย ลักษณะที่พบร่วมกัน คือ ความเกี่ยวข้องหรือความศรัทธาเชิงสัญลักษณ์ต่อซาตาน ซึ่งนักลัทธิซาตานมองว่าเป็นภาพลักษณ์ของการปลดปล่อย ก่อนหน้านั้นมีลักษณะเป็นองค์กรลับๆ มาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการใน ปี พ.ศ. 2509 ในชื่อ โบสถ์ของซาตาน ในปี พ.ศ. 2533 คาดว่ามีผู้บูชาซาตานจำนวน 50,000 คน และอาจมีมากที่สุดถึง 100,000 คนทั่วโลก แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ แบบเชื่อในพระเจ้า กับ แบบไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง

ลัทธินีโอนาซี

นีโอนาซี (อังกฤษNeo-Nazism) คือลัทธิที่เคลื่อนไหวหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อฟื้นคืนลัทธินาซี ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว สมาชิกกลุ่มคนเหล่านี้มักเป็นกลุ่มคนผิวขาว (คอเคซอยด์) เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ยังมีความเชื่อที่ว่าคนผิวขาวเป็นใหญ่เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ สืบมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของนาซี
นโยบายของลัทธินีโอนาซีมีความแตกต่างกันไป แต่มักสวามิภักดิ์ต่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์, เหยียดเชื้อชาติต่างๆ, เหยียดสีผิว, เทิดทูนคนอารยันเยอรมัน, เหยียดเกย์ เหยียดยิว สลาฟ ฯลฯ
พวกเขามักใช้สัญลักษณ์เป็นสวัสดิกะ มีบางประเทศในทวีปยุโรปมีกฎหมายห้ามลัทธินาซี การเหยียดผิว การเหยียดเชื้อชาติ กลุ่มนีโอนาซีจะพบแถวชายแดนระหว่างประเทศที่ติดกับเยอรมัน โดยเฉพาะในรัสเซียพบมากที่สุดในกรุงมอสโก เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของบุคคลกลุ่มนี้ได้แก่ ชนชาติที่เป็นต่างชาติและที่มีอยู่ในรัสเซียอยู่แล้วเช่น ยิว สลาฟ เอเชีย ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส แอฟริกันอเมริกัน ลูกครึ่ง รัสเซียและกลุ่มชนชาติต่างๆ ที่อยู่ในรัสเซียและมาจากต่างประเทศ ชาวรัสเซียคนหนึ่งบอกว่า ที่ประเทศเขามีประชากรเป็นรัสเซีย 81% ต่างชาติ 19% อาทิ ยิว สลาฟ ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส เยอรมัน ฯลฯ เขาบอกว่าพวกนีโอนาซีจะเป็นพวกเยอรมันที่อยู่ในรัสเซียที่เป็นชุมชนเยอรมัน เขายังบอกอีกว่าชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเขาที่ไม่ใช้เยอรมันมักถูกทำร้ายจนตายทั้งที่มาจากต่างประเทศและชนชาติกลุ่มต่างๆ ในรัสเซียที่ไม่ใช่เยอรมัน
มีนีโอนาซีบางกลุ่มพยายามที่จะรื้อฟื้นลัทธินี้ อาทิ Colin JordanGeorge Lincoln RockwellSavitri DeviFrancis Parker YockeyWilliam Luther PierceEddy Morrison และ David Myatt
นีโอนาซีมักจะโกนหัว ชื่อของทรงผมสกินเฮดที่เรียกชื่อกันอยู่นั้นมีต้นกำเนิดมาจากพวกนี้ เชื่อว่าคนขาวที่เป็นเยอรมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดีที่สุด แต่งกายคล้ายพังก์ สักลาย สวัสดิกะ หรือ สัญลักษณ์นาซีไว้ที่ตัว บูชา อดอล์ฟ ฮิตเลอร์, แฮร์มันน์ เกอริงไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ บ้างไล่ตระเวนไล่ทำร้ายชาวต่างชาติ เช่น ยิว สลาฟ เอเชีย ตาตาร์ ยูเครน เบลารุส นิโกร ลูกครึ่ง รัสเซีย สเปน กรีก อิตาลี และกลุ่มชนชาติต่างๆ ซึ่งอาจรวมอังกฤษด้วย
สมาชิกนีโอนาซีส่วนมากมักจะเป็นคนเชื้อสายเจอร์แมนิกในหลายประเทศ ได้แก่ เยอรมนีสวีเดนเดนมาร์กนอร์เวย์สหราชอาณาจักรไอซ์แลนด์ออสเตรียสวิตเซอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ส่วนเขตอิทธิพลของนีโอนาซีในประเทศอื่นๆ ได้แก่ รัสเซียโครเอเชียฝรั่งเศสเซอร์เบียบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเอสโตเนียฮังการีกรีซยูเครนตุรกีอิสราเอลซีเรียมองโกเลียพม่าไต้หวันเซอร์เบียสหรัฐอเมริกาแคนาดา,คอสตาริกาบราซิล และชิลี